เตรียมตัวก่อนคลอด สำหรับคุณแม่ที่ไม่ควรลืมโดยเด็ดขาด

สิ่งที่คุณแม่ส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนที่กำลังตั้งท้องแรกกังวลมากที่สุดก็คือน้อง เตรียมตัวก่อนคลอด อย่างไรบ้างซึ่งก็ทำให้เครียดได้ไม่น้อย แต่บอกได้เลยว่าไม่ต้องเตรียมอะไรมาก และสามารถเตรียมในช่วงเดือนสุดท้ายได้แบบง่าย ๆ ตามวิธีขั้นตอนที่เรามาแนะนำกันดังต่อไปนี้

เตรียมตัวก่อนคลอด

สิ่งที่ต้อง เตรียมตัวก่อนคลอด สำหรับคุณแม่

  • เลือกชื่อลูกทั้งชื่อเล่น และชื่อจริง แต่ในกรณีอยากตั้งชื่อให้เป็นมงคลตามวันเวลาเกิดที่แน่นอน อาจจะรอให้คลอดเสร็จแล้วค่อยตั้งก็ได้
  • ศึกษาเรื่องสูตรนม สูตรอาหารสำหรับเด็กในแต่ละช่วง การเลือกนมเด็กทารก รวมไปถึงการเก็บน้ำนมแม่
  • ศึกษาเรื่องอาหารที่คุณแม่ควรทานหลังจากคลอดเพื่อจะได้น้ำนมที่มีคุณภาพ และทำให้ฟื้นตัวแข็งแรงได้เร็ว
  • ศึกษาวิธีปฏิบัติตัวหลังคลอด การแก้ปัญหาในกรณีต่าง ๆ
  • เตรียมผ้าอนามัยที่ต้องใช้เมื่อคลอดเสร็จ
  • เตรียมชุดชั้นในสำหรับหลังคลอด
  • ของใช้เบ็ดเตล็ดเช่น สบู่ ยาสีฟัน ครีม โลชั่น ทาผิว แป้ง เป็นต้น
  • ชุดที่เหมาะสมสำหรับใส่วันออกจากโรงพยาบาล
  • อุปกรณ์บันทึกภาพง่าย ๆ เช่นมือถือ เพื่อเก็บภาพลูกน้อยหลังคลอด

สิ่งที่ต้อง เตรียมตัวก่อนคลอด สำหรับลูก

  • ชุดสำหรับเด็กทารก เช่น เสื้อ ชุดนอน ถึงมือ หมวก ถุงเท้า เป็นต้น
  • ผ้าห่อตัวเด็กทารก
  • ผ้าอ้อม
  • แพมเพิส
  • ขวดนม จุกนม
  • ผ้าเช็ดตัวเด็กทารก
  • รถเข็นสำหรับเด็ก และคาร์ซีทที่เอาไว้นั่งในรถยนต์

อย่างไรก็ดีสิ่งของบางอย่างโรงพยาบาลอาจจะจัดหามาให้ แต่บางโรงพยาบาลก็ไม่มีให้ดังนั้นก่อนคลอดควรสอบถามให้แน่ชัดอีกครั้งว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง

เอกสารที่ต้องเตรียมไว้ก่อนคลอด

สิ่งสำคัญที่ต้องทำหลังคลอดก็คือ สูติบัตรหรือใบเกิดที่ต้องไปแจ้งภายใน 15 วัน หากเกินนี้ก็จะถูกปรับ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมก็คือ

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของพ่อ และแม่ หากเป็นชาวต่างชาติให้ใช้พาสปอร์ต
  • สำเนาทะเบียนบ้านของพ่อ และแม่
  • สำเนาทะเบียนบ้านหน้าแรกที่ลูกจะย้ายเข้า (ในกรณีที่ไม่ไม่ใช่ที่อยู่เดียวกับพ่อ และแม่)
  • สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี)

ทั้งหมดนี้คือ เตรียมตัวก่อนคลอด ที่ไม่ควรลืมเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุด เพื่อคุณแม่จะได้มีเวลาให้นมลูก เอาใจใส่อย่างเต็มที่ และพักฟื้นให้แข็งแรง โดยที่ไม่ต้องคอยพะวงเรื่องต่าง ๆ แต่อย่างไรก็ตามก่อนคลอดหากมีข้อสงสัย หรือไม่แน่ใจในเรื่องใดก็ตาม ควรปรึกษาคุณหมอ หรือขอคำแนะนำจากผู้รู้จะดีที่สุด