ทำความรู้จักโรคผิวหนังอักเสบจากยีสต์ในสุนัข อาการคันที่รุนแรง

คนเลี้ยงสุนัขหลายต้องเจอกับปัญหายีสต์ในสุนัข ที่ค่อยสะสมมากขึ้นเรื่อยจนทำให้สุนัขมีอาการคันหรือมีปัญหาผิวหนัง หากเจ้าของหมั่นสังเกตอาการของสุนัขก็จะเห็นสัญญาณอันตรายที่สุนัขแสดงออก “ยีสต์” ที่เกิดขึ้นอาจจนำมาโรคผิวหนังที่รุนแรง อย่าง โรคผิวหนังอักเสบจากยีสต์ ได้

ยีสต์ในสุนัข

ยีสต์เป็นชนิดของเชื้อราชนิดหนึ่ง และมันก็เป็นเรื่องปกติมาก ๆ หากพบในสุนัขสุภาพดีมักจะพบในหูและเยื่อบุ แต่หากยีสต์เริ่มแพร่พันธุ์ในอัตราที่รวดเร็วเกินควบคุม จนทำให้สุนัขของคุณมียีสต์มากเกินไปและแพร่กระจายไปยังบริเวณส่วนอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว อาทิเช่นผิวหนังของสุนัข

สาเหตุการเกิดโรคผิวหนังจากยีสต์

โรคผิวหนังเป็นยีสต์ในสุนัข มักเกิดจากการติดเชื้อยีสต์ที่ชื่อว่า Malassezia pachydermatis โรคผิวหนังเป็นยีสต์มักพบในสัตว์ที่มีผิวหนังเปียกชื้น อับชื้น สามารถเกิดจากพันธุกรรม และพบร่วมกันน้องหมาที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนัง หรืออาจเกิดจากการแพ้น้ำลายเห็บ หมัด แพ้อาการ โรคทางระบบฮอร์โมน ต่อมไร้ท่อ รวมถึงการผิดปกติของการแบ่งเซลล์ในชั้นผิวหนัง

สัญญาณที่พบบ่อยที่สุดของการติดเชื้อยีสต์ในสุนัข

  1. อาการคันมาก (โดยเฉพาะมักจะเป็นบริเวณหูก่อน)
  2. ผิวระคายเคืองจนเป็นสีแดง (โดยเฉพาะมักจะเป็นบริเวณหูก่อน)
  3. ผิวหนังและหูมีอาการอักเสบ
  4. ผิวหนังมีแผลหรือรอยโรค
  5. ผิวหนังมีสภาพมันเยิ้ม
  6. มีอาการขนร่วง
  7. มีกลิ่นเหม็นออกจากหูหรือผิวหนัง

การรักษา

  1. อาบน้ำ หรือฟอกบริเวณที่เป็นยีสต์ด้วย 2% miconazole, 2% chlorhexidine shampoo หรือ 3% chlorhexidine shampoo ฟอกทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
  2. ให้กินยาฆ่าเชื้อราและยีสต์ ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
  3. ในกรณีที่เป็นยีสต์ในหู ให้ล้างหูด้วยน้ำยาล้างหู แล้วหยดยาที่มีส่วนผสมของยาฆ่ายีสต์
  4. ในรายที่มีอาการคัน แนะนำให้ยาลดอาการคัน

การป้องกันโรคยีสต์ในสุนัข

หลังจากรักษาหายแล้วก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ใหม่หากมีปัจจัยที่ทำให้เกิดยีสต์อีก จึงควรป้องกันภาวะเปียก อับชื้น เช่น อาบน้ำแล้วเป่าให้แห้ง หมั่นเช็ดทำความสะอาดตามร่องผิวหนัง หากไม่สามารถควบคุมปัจจัยเสี่ยงได้ในระยะยาว แนะนำให้ใช้ยาอาบน้ำสำหรับต้านเชื้อรา เชื้อยีสต์ เป็นประจำ

โรคผิวหนังจากยีสต์ในสุนัขเป็นเรื่องที่น่ากลัวหากมีอาการรุนแรง และอาจต้องรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้สุนัขไม่มีความสุขเพราะมีอาการคัน แถมยังต้องทานยา หยอดหู หรือต้องไปพบสัตวแพทย์บ่อย ทางดีที่คือหมั่นสังเกตอาการสุนัข หากพบอาการตามข้างต้นรีบนำไปพบสัตวแพทย์ทันที อย่าปล่อยให้รุกราม